เจฟฟ์ เบซอส CEO ของบริษัทอเมซอนได้ออกมาประกาศว่าเขาเตรียมลงจากตำแหน่ง ขณะที่อเมซอนทำเงินอื้อในปีที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว CNN รายงานว่า นาย เจฟฟ์ เบซอส ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO ของบริษัทอเมซอน ประกาศเตรียมลงจากตำแหน่งในช่วงไตรมาสปีที่สามของปีนี้ หลังจากที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท มาตั้งแต่ช่วงก่อตั้ง หรือเมื่อราวๆ 27 ปีที่แล้ว
โดยนาย แอนดี้ แจสซี หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการคลาวด์ของอเมซอน
จะเข้ามารับตำแหน่งแทน ส่วนนายเบซอสจะย้ายไปดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดบริหารของอเมซอนแทน ซึ่งนายแจสซีทำงานกับอเมซอนตั้งแต่ปี 2541 ในคำแถลงการของนายเบซอสยังได้ระบุว่าเขารู้สึกตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ซึ่งอดีตบุคคลที่รวยที่สุดในโลกระบุอีกว่าเขาจะมีเวลาให้กับโครงการนอกบริษัทมากขึ้น พร้อมกล่าวว่าเขามั่นใจว่านายแจสซีจะเป็นผู้นำที่ดี
การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมๆกับรายงานรายได้ของไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา ซึ่งในไตรมาสที่ผ่านมาทำเงินได้มากกว่า 125 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 44 ในขณะที่ทำรายได้สุทธิที่ 7.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขทั้งสองจุดถือว่ามากกว่าที่วอลล์สตรีทได้คาดเอาไว้ และในปีที่ผ่านมาหุ้นอเมซอนเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 69
ซึ่งสาเหตุที่อเมซอนทำเงินได้มากขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ประชาชนต้องหันมาจับจ่ายซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์แทน
ประชาชนและเจ้าหน้าที่แพทย์ชาวเมียนมาได้ออกมาแสดงพลัง ประท้วง กองทัพที่ทำการก่อ รัฐประหารเมียนมา เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า ประชาชนชาวเมียนมา ในนครย่างกุ้ง ได้ออกมาบีบแตรรถยนต์และเคาะเครื่องตัว เพื่อเป็นการแสดงพลังต่อต้านกองทัพที่ก่อรัฐประหารเมื่อช่วงต้นและจับกุมนาง อองซานซูจี สัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันประชาชนในสื่อสังคมออนไลน์ได้เปลี่ยนรูปภาพโปรไฟล์เฟซบุ๊กเป็นรูปของนาง อองซานซูจี และเปลี่ยนการเรียกร้องให้คว่ำบาตรผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพอีกด้วย
ซึ่งนอกจากประชาชนแล้ว เจ้าหน้าที่แพทย์จำนวนหนึ่งได้ออกมาติดโบว์ดำเพื่อต่อต้านการรัฐประหาร และแพทย์อีกจำนวนหนึ่งระบุว่าจะหยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อกดดันให้รัฐบาลปล่อยตัวนาง อองซานซูจี โดยขณะนี้ประเทศเมียนมากำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างรุนแรง และมีผู้ติดเชื้อสะสมนับแสนราย
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองทัพเมียนมาได้ก่อรัฐประหารและเข้าควบคุมตัวนาง อองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา ในข้อหาโกงการเลือกตั้ง หลังจากที่เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยหรือเอ็นแอลดีชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย จากการก่อรัฐประหารครั้งนี้ทำให้ผู้นำหลายประเทศทั่วโลกออกประณามการกระทำของกองทัพเมียนมา
เผย วัคซีน สปุตนิก ไฟว์ ประสิทธิภาพ ต้านโควิด 91%
สปุตนิก ไฟว์ วัคซีนต้านโควิด-19 สัญชาติรัสเซียมี ประสิทธิภาพ ต้านโควิดร้อยละ 91 เร่งศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเข้าใจวัคซีนให้มากขึ้น เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว CNN รายงานว่า จากการวิเคราะห์เบื้องต้นพบว่า สปุตนิก ไฟว์ วัคซีนต้านโควิด-19 สัญชาติรัสเซียมีประสิทธิภาพกับผู้ป่วยโควิดที่ไม่แสดงอาการร้อยละ 91.6 และมีประสิทธิภาพกับผู้ป่วยที่แสดงอาการอย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากที่ได้ทำการทดลองเฟสที่ 3 กับอาสาสมัครเกือบ 2 หมื่นคน โดยในจำนวนดังกล่าวมีอาสาสมัครที่อายุมากกว่า 60 ปีรวมอยู่ด้วย ซึ่งรายงานระบุว่าวัคซีนสามารถทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพกับอาสาสมัครกลุ่มดังกล่าวเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ในรายงานยังระบุอีกว่ายังไม่พบผู้รับวัคซีนได้รับผลกระทบจากวัคซีนอย่างรุนแรง โดยส่วนมากจะพบว่ามีอาการเหมือนไข้หวัด และ อ่อนเพลีย
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่แพทย์ระบุว่าพวกเขายังคงต้องทำการศึกษาวัคซีนชนิดนี้เพิ่มเติม เพื่อทำความเข้าใจกระบวนการรับมือกับผู้ป่วยโควิดที่ไม่แสดงอาการ และตรวจสอบว่าภูมิคุ้มกันสามารถอยู่ได้นานเท่าใด โดยทางนักวิทยาศาสตร์ตั้งเป้าจะทำการทดลองวัคซีนกับอาสาสมัครกว่า 4 หมื่นคน
วัคซีน สปุตนิก ไฟว์ เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก หลังจากที่ทางการรัสเซียอนุมัติใช้วัคซีนชนิดดังกล่าว เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แม้ว่าการทดลองวัคซีนในเฟสที่ 3 จะยังไม่เสร็จสิ้นก็ตาม
ในปัจจุบันหลายประเทศได้อนุมัติการใช้วัคซีนดังกล่าว ซึ่งนอกจากรัสเซียที่เป็นผู้ผลิตแล้ว เบลารุส, อาร์เจนตินา, เซอร์เบีย, เวเนซุเอลา, UAE, ฮังการี ฯลฯ ได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนชนิดดังกล่าวแล้ว ขณะนี้มีประชาชนเข้ารับวัคซีนนี้แล้วกว่า 2 ล้านคน
ศาลในประเทศรัสเซียได้สั่งติดสิน จำคุก นาย อเล็กเซ นาวัลนี คู่ปรับทางการเมืองคนสำคัญของ ปูติน แม้ประชาชนนับพันจะชุมนุมประท้วงก็ตาม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว BBC รายงานว่า ศาลในประเทศรัสเซียได้ตัดสินจำคุกนาย อเล็กเซ นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านและคู่อริของ นาย วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เป็นระยะเวลาสามปีครึ่ง ในข้อหาไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของการประกันตัว
แม้ว่าประชาชนชาวรัสเซียหลายพันคนจะออกมาชุมนุมประท้วงเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา และนำไปสู่เหตุปะทะในหลายจุดทั่วประเทศรัสเซีย ซึ่งสำนักข่าวรายงานมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมผู้ชุมนุมในกรุงมอสโกอย่างมากกว่า 850 ราย
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป