ครม. ได้มีมติเห็นชอบให้มีการจ่ายในส่วนของ เงินเยียวยา สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก โครงการชลประทาน 4 โครงการ เป็นกรณีพิเศษ เงินเยียวยา โครงการชลประทาน – ณ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2565 ได้มีมติ เห็นชอบการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการชลประทาน รวม 4 โครงการ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2541” ที่วางหลักการไว้ว่า ไม่สามารถจ่ายค่าชดเชย หรือค่าทดแทนซ้ำซ้อนหรือย้อนหลังให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนได้
โดยอนุมัติให้กรมชลประทานจ่ายเงินค่าชดเชย หรือค่าขนย้าย
สำหรับค่าที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ ให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบ เป็นกรณีพิเศษ ประกอบด้วย 1. โครงการเขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร อนุมัติให้ช่วยเหลือราษฎร “กลุ่มตกค้าง” ยังไม่ได้รับเงิน จำนวน 295 รายจ่ายในอัตราเดิม 10,000 บาทต่อไร่ รายละไม่เกิน 15 ไร่ ส่วนผู้ที่ขอเงินเพิ่ม 2,285 ราย ให้ช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบตามประเภทที่ดิน
2. – 3. โครงการอ่างเก็บน้ำบ้านทำนบ และโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเชิง จ.สุรินทร์ ให้กำหนดจำนวนเงินช่วยเหลือตามกฎกระทรวงที่ออกตามความใน พ.ร.บ. การประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. 2562
4. โครงการฝายกุมภวาปี จ.อุดรธานี ให้จ่ายเงิน “ค่าขนย้ายราษฎร” ตามอัตราที่คณะกรรมการกำหนดค่าทดแทนทรัพย์สินเพื่อการชลประทานโครงการฝายกุมภวาปีเคยกำหนดไว้ สูงสุดไม่เกินไร่ละ 50,000 บาท และต่ำสุดไร่ละ 10,000
ทั้งนี้ กรมชลประทานจะเป็นผู้ตรวจสอบและกำกับดูแลการจ่ายเงินเยียวยาดังกล่าว ด้วยความถูกต้อง โปร่งใส และป้องกันไม่ให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลแสวงหาผลประโยชน์จากประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
สรุปบัตรเดบิตแบบไหนคุ้มค่าเหมาะกับใครบ้าง ทั้งนี้ในปัจจุบันบัตรเดบิตมีบริการและค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้บริโภค อีกทั้งในแต่ละธนาคารยังมีผลิตภัณฑ์บัตรเดบิตแยกออกมาหลายประเภท ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของเราว่าต้องการใช้จ่ายในลักษณะไหน บางบัตรค่าธรรมเนียมแพงแต่เงื่อนไขเหมาะกับเรา บางบัตรฟรีค่าธรรมเนียมแต่มีข้อกำหนดการใช้จุกจิก ใครสะดวกแบบไหนลองเข้าไปเลือกตามนี้กันได้เลยครับ.
สามารถตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนดังกล่าวได้ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ (คลิก) หรือ(คลิก) หรือตรวจสอบผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วยงาน
ย้ำ! กยศ. เปิด มาตรการลดหย่อนหนี้ ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2565
รองโฆษกรัฐบาล ได้ออกมาเน้นย้ำถึง มาตรการลดหย่อนหนี้ จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของ กยศ. ที่จะสิ้นสุดภายในวันที่ 30 มิ.ย. 2565
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.ได้มี มาตรการลดหย่อนหนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและให้โอกาสผู้กู้ยืมเงินที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด19 ซึ่งได้ขยายระยะเวลามาแล้ว 1 ครั้งและจะสิ้นสุดระยะเวลาที่ขยายในวันที่ 30 มิ.ย. 2565 นี้ แล้ว
รัฐบาลจึงขอเชิญชวนผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้ ติดต่อเพื่อรับประโยชน์จากมาตรการก่อนระยะเวลาดังกล่าวจะสิ้นสุดลง
สำหรับประโยชน์จากมาตรการที่ กยศ. จะให้ถึง 30 มิ.ย. นี้ ได้แก่ ลดเงินต้นร้อยละ 5 สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้และต้องการปิดบัญชีในคราวเดียว, ลดเบี้ยปรับร้อยละ 100 สำหรับผู้กู้ยืมเงินทุกกลุ่มที่ชำระหนี้ปิดบัญชี โดยกรณีผู้กู้ที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี ชำระได้ที่ธนาคารกรุงไทยและธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยทุกสาขา
ส่วนผู้กู้ยืมที่ถูกดำเนินคดีแล้ว ต้องลงทะเบียนขอรับสิทธิและนัดหมายวันที่ประสงค์จะชำระหนี้ปิดบัญชีได้ที่ – https://www.studentloan.or.th/promotion ซึ่งกรณีนี้ผู้กู้เงินต้องชำระค่าทนายความและค่าฤชาธรรมเนียมศาลให้เสร็จสิ้นก่อนปิดบัญชี
นอกจากนี้ กยศ. ยังลดเบี้ยปรับร้อยละ 80 สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้มีสถานะปกติ และที่ กยศ. ดำเนินการให้อัตโนมัติโดยผู้กู้ไม่ต้องแจ้งเพื่อเข้าร่วมมาตรการคือ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากเดิมร้อยละ 1 ต่อปี เป็นร้อยละ 0.01 ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุนและไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า หน่วยงานต่างๆ ได้ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเพื่อแบ่งเบาและแก้ไขหนี้สินครัวเรือนให้กับประชาชนตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่กำหนดให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้ไขหนี้ครัวเรือน ซึ่งในส่วนของกระทรวงยุติธรรมโดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี ร่วมกับ กยศ. และสถาบันการเงินต่างๆ จัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือนทั่วประเทศ ช่วยเหลือประชาชนรวมถึงลูกหนี้ กยศ. ไกล่เกลี่ยหนี้ทั้งก่อนฟ้องและหลังฟ้อง ซึ่งตั้งแต่เดือน ก.พ. จนถึงขณะนี้ได้จัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ฯ ไปแล้ว 19 ครั้ง ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 14,538 ราย ทุนทรัพย์ 3,461 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากความสำเร็จของโครงการและเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายนายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรมได้ขยายพื้นที่และจำนวนการจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ฯ เพิ่มขึ้นเป็นให้ครบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศจากเดิมที่จะสิ้นสุดการจัดโครงการในช่วงกลางปี ได้ขยายไปถึงเดือน ส.ค.
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป